อีเอสพีเอ็น สื่อกีฬายักษ์ใหญ่ตีแผ่ว่าตระกูล เกลเซอร์ เจ้าของทีม แมนฯ ยูไนเต็ด มีแผนถือครองทีมลูกหนังของ พรีเมียร์ลีก ต่อไปอีกยาวหลังเตะถ่วงการเทคโอเวอร์หมายให้ ผีแดง มีมูลค่าที่สูงขึ้นเป็นเท่าตัว
ตระกูล เกลเซอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อ 18 ปีก่อนประกาศข่าวดีให้สาวก เร้ด อาร์มี่ ได้เริงร่าเมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมาว่าพวกเขาพร้อมขายทีมแบบเต็มร้อย และถึงขณะนี้มีนักลงทุนสองรายสนใจซื้อทีมไปบริหาร
อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ล่าสุด ตระกูลนักธุรกิจสัญชาติแยงกี้ซึ่งซื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2005 ยังไม่ตอบรับข้อเสนอจากทั้ง ชีคห์ ยาสซิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี แห่ง กาตาร์ และ เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ เศรษฐีใหญ่ชาวอังกฤษซึ่งยื่นข้อเสนอให้ เรน กรุ๊ป ธนาคารในนิวยอร์ค ผู้ดูแลการเทคโอเวอร์พิจารณาแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่เห็นชอบของตระกูล เกลเซอร์ ซึ่งประกาศให้มีการยื่นข้อเสนอเป็นหนที่สามโดยมีการกำหนดเส้นตายเอาไว้ในวันที่ 28 เม.ย.
ต่อท่าทีดังกล่าวของเจ้าของทีม ผีแดง อีเอสพีเอ็น รายงานเมื่อ 17 เม.ย.ว่าพวกเขาต้องการเก็บทีมดังของ พรีเมียร์ลีก เอาไว้ต่อไปหลังจาก เดอะ คาร์ไลล์ กรุ๊ป จากอเมริกาปราดเข้ามาแสดงความสนใจขอซื้อหุ้นของสโมสรอย่างจริงๆจังๆเมื่อสัปดาห์ก่อนซึ่งส่งผลให้ตระกูล เกลเซอร์ คิดเปลี่ยนท่าทีหวังเลือกขายหุ้นส่วนหนึ่งแทนการเทคโอเวอร์ในรูปแบบของการมีผู้ร่วมลงทุนเพื่อที่พวกเขาจะได้มีสถานภาพเป็นเจ้าของทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อไป
ขณะเดียวกัน สื่อเจ้าดังกล่าวเผยว่าตระกูล เกลเซอร์ หวังว่าการเจียดขายหุ้นของสโมสรส่วนหนึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถขาย ผีแดง ออกไปในราคาที่สูงกว่าปัจจุบันเป็นเท่าตัวในอีกสิบปีข้างหน้าที่ตัวเลข 1 หมื่นล้านปอนด์ (ราว 430,300 ล้านบาท) จึงทำให้พวกเขาเดินเกมชะลอการขายทีมเอาไว้
อย่างไรก็ดี ข่าวแง่ลบดังกล่าวที่เชื่อว่าตระกูล เกลเซอร์ ไม่คิดขายสโมสรง่ายๆส่งผลให้มูลค่าหุ้นล่าสุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตกลงไปตามระเบียบ
